แนวทางการเลือก “ก้านไม้หอม” ให้มีประสิทธิภาพสูง หอมเกินราคา แน่นอนต้องมีวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพเริ่มตั้งแต่ ก้านหวาย, หรือดอกไม้ดูดน้ำหอม ต้องมาจากธรรมชาติเพราะกลิ่นจะหอมกระจายได้สม่ำเสมอแล้ว ยังย่อยสลายตามธรรมชาติได้อย่างดีอีกด้วยค่ะ รวมถึงน้ำหอมที่มีคุณภาพทำจากเบสเป็นน้ำมัน ปราศจากแอลกอฮอล์ซึ่งปลอดภัยต่อการใช้งาน สามารถไว้ใจผลิตภัณฑ์ก้านไม้หอม ของ Phruksa Spa ได้เลยค่ะ
- ก้านหวาย (Reed Stick) จากธรรมชาติ ที่คัดสรรคุณภาพมาเป็นอย่างดี จะประกอบด้วยรูพรุนภายในตัวก้าน มีลักษณะเหมือนหลอดเล็กๆ ภายในหนึ่งก้านจะมีหลอดเล็กๆประมาณ 20 หลอดทำให้สามารถดูดน้ำหอมขึ้นมายังปลายก้านและส่งกลิ่นได้ดี ทั้งนี้ยังสามารถตกแต่งเพิ่มลูกเล่นโดนนำดอกไม้ดูดน้ำหอมมาเสียบไว้ด้านบนเพิ่มความสวยงามและเพิ่มการกระจายกลิ่นได้อีกด้วยอีกด้วยนะคะ
- ดอกไม้ดูดน้ำหอม (Flower Diffuser) ที่ถูกแปรรูปโดยการนำต้นโสนมาตากแห้ง ปอกเปลือกสีน้ำตาลออก แล้วฝานเป็นแผ่นเหมือนกระดาษใช้ทำกลีบดอก มัดรวมเข้าด้วยกันด้วยเชือกเส้นเล็กๆ ทำจากวัสดุธรรมชาติ 100% เป็นงานฝีมือจากภูมิปัญญาชาวบ้าน กระจายกลิ่นได้ดีมาก ไกลเหมาะกับห้องที่มีขนาดใหญ่ ดอกไม้เชือกจึงเหมาะกับน้ำหอมสูตรที่มีความหนาแน่นสูงกว่าน้ำหอมแบบที่ทำมาเพื่อใช้กับก้านไม้หอม หากเลือกใช้ไม่เหมาะกับสูตรน้ำหอม จะทำให้น้ำหอมหมดเร็วกว่าการใช้ก้านหวายมากเลยค่ะ
ก้านหวายธรรมชาติ จะกระจายกลิ่นได้ดีเพราะมีรูพรุนมากมายดูดน้ำหอมจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนได้อย่างดี ทั้งนี้หากต้องการให้ก้านไม้หอมของเรา มีกลิ่นหอมแรงสม่ำเสมอแนะนำให้กลับด้านก้านหวายทุกๆ 3-5 วันได้เลยค่ะ โดยก้านหวายมีอายุการใช้งานประมาณ 30 วัน เพราะหากนานกว่านั้นก้านหวายจะมีการอิ่มน้ำหอม กระจายกลิ่นไม่ดีเท่าตอนใช้งานแรกๆ นั่นเอง หากต้องการใช้ขวดเดิม แนะนำให้ล้างขวดเก่า เช็ดน้ำให้แห้ง นำก้านหวายใหม่มาใส่และเติมน้ำหอมปรับอากาศเพิ่มเข้าไป ก้านไม้หอมชุดใหม่ของเราก็ทำให้ห้องมีกลิ่นหอมฟุ้งดังเดิมได้แล้วค่ะ
วางตำแหน่งในการใช้งานก้านไม้หอมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คือ วางไว้ความสูงระดับเอวของเรานั่นเองค่ะ ทั้งนี้สามารถเพิ่มจำนวนก้านหากต้องการให้กลิ่นแรงขึ้น หรือลดจำนวนก้านหวายลงหากต้องการกลิ่นเบาลงได้เลยค่ะ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับก้านไม้หอม
- พื้นที่ในการกระจายกลิ่นของก้านไม้หอมขนาดเล็ก 5 ก้าน ต่อหนึ่งจุดอยู่ราวๆ 9-12 ตรม. โดยประมาณ ก้านไม้หอมขนาดใหญ่ 10 ก้าน ขนาด 100 ml. ขึ้นไปต่อหนึ่งจุดอยู่ราวๆ 12-20 ตรม. โดยประมาณ
- หากพื้นที่ห้องใหญ่ ควรตั้งก้านหอมหลายจุด หรือใช้น้ำมันหอมระเหย (Aroma Oil) ที่ทำเฉพาะสำหรับจุดเตาอโรม่า น้ำมันหอมระเหยบริสุทธิ์ (Essential Oil) สำหรับจุดเตาอโรม่าและเครื่องพ่นไอน้ำจะกระจายกลิ่นได้ดีกว่า
- เมื่อปักก้านไว้หลายๆ วัน กลิ่นอาจกระจายน้อยลองเพราะก้านหวายดูดน้ำอิ่ม และตัน แนะนำให้เปลี่ยนก้านใหม่ หรือสามารถด้านก้านหวายใหม่เพื่อให้ด้านที่ชุ่มน้ำหอมอยู่ด้านบน
ข้อควรระวังเกี่ยวกับก้านไม้หอม
- โดยปกติแล้วน้ำมันหอมระเหยสามารถเก็บไว้ได้ยาวนาน 2 ปี
- แต่หากเปิดฝาแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน
- ควรใช้เฉพาะในพื้นที่ปิด ที่ไม่มีลมภายนอกพัดตลอดเวลา จะทำให้กลิ่นถูกดูดไปภายนอกจนหมด
- ไม่เก็บในพื้นที่ที่มีแสงแดดส่อง หรือที่อุณหภูมิสูง เพราะจะเร่งให้น้ำหอมระเหยไวกว่าปกติ
- ระวังไม่ให้ถูกตา หรือปาก หรือบริเวณที่มีแผล หากกระเด็นเข้าตาให้รีบล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที หากมีการระคายเคืองให้รีบไปพบแพทย์
- บางคน อาจมีการแพ้สารบางอย่างในน้ำมันหอมได้ หากมีอาการระคายเคือง ควรหยุดใช้ทันที
หมายเหตุ
- ส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย Essential Oil กับก้านไม้หอม Reed Diffuser นั้นแตกต่างกัน ห้ามนำน้ำมันจากก้านหอมมาใส่ลงเครื่องพ่นไอน้ำหอมเตาอโรม่า
ระยะเวลาการใช้งาน (ควรเปลี่ยนก้านหวายทุกๆ 30 วัน)
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 30 ml. 5 ก้าน ส่งกลิ่นระยะ 4-6 ตรม. อยู่ได้นาน 21-30 วัน
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 50 ml. 5 ก้าน ส่งกลิ่นระยะ 6-12 ตรม. อยู่ได้นาน 35-45 วัน
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 100 ml. 5 ก้าน ส่งกลิ่นระยะ 12-15 ตรม. อยู่ได้นาน 50-60 วัน
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 120 ml. 10 ก้าน ส่งกลิ่นระยะ 15-20 ตรม. อยู่ได้นาน 70-75 วัน
- ดอกไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 120 ml. 1 ดอกไม้ดูดน้ำหอม ส่งกลิ่นระยะ 20-25 ตรม. อยู่ได้นาน 30 วัน
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 150 ml. 10 ก้าน ส่งกลิ่นระยะ 20-25 ตรม. อยู่ได้นาน 80-90
- ก้านไม้หอมปรับอากาศ ขนาด 200 ml. ส่งกลิ่นระยะ 20-30 ตรม. อยู่ได้นาน 90-100 วันขึ้นไป
แน่นอนว่าก้านไม้หอมหรือดอกไม้หอมปรับอากาศ มีหลากหลายคุณภาพและราคา เราจะเลือกยังไงกันดีก้านไม้หอมนั้นมีด้วยกันหลักๆ 2 ประเภท ที่มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
1. ก้านไม้น้ำหอม ที่ใช้น้ำเป็นเบส เบสน้ำจะมีราคาที่ถูกกว่า แต่มีข้อเสียคือระเหยเร็ว บางยี่ห้อก็ใช้แอลกอฮอล์เพื่อเร่งกระจายกลิ่น และใช้เพียงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเท่านั้น
2. ก้านไม้น้ำมันหอม ที่ใช้น้ำมันเป็นเบส แต่แบบผสมน้ำมันสกัดจะมีราคาสูงกว่า แต่ได้คุณประโยชน์จากน้ำมันธรรมชาติด้วย อักทั้งยังระเหยได้ช้ากว่าเบสที่เป็นน้ำหรือน้ำหอมผสมแอลกอฮอล์อีกด้วย
สำหรับก้านไม้หอมจาก Phruksa Spa จะใช้เบสน้ำมันเท่านั้น และไม่มีส่วนผสมจากแอลกอฮอล์ จึงใช้งานได้ยาวนานกว่าและปลอดภัยต่อการสูดดมแน่นอนค่ะ
- น้ำหอมไม่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายและไม่ระเหยไว
- ปรับอากาศภายในห้องทำงาน ห้องพักผ่อน ห้องรับแขก ห้องน้ำ ห้องรับแขก โรงแรม ห้องพัก หรือพื้นที่ที่ต้องการได้ทุกที่
- กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ ลดกลิ่นอับ
- เพิ่มความรู้สึกสดชื่น
- กลิ่นหอมไม่ฉุน หอมฟุ้ง คงความหอมได้ยาวนาน
- กลิ่นกระจายทั่วห้อง ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
กลิ่นก้านไม้หอมหรือดอกไม้หอมของ Phruksa Spa มีให้เลือกมากมายมากกว่า 30 กลิ่น รองรับโทนกลิ่นที่ลูกค้าต้องการ เช่น
1. Floral หอมหวนมวลดอกไม้
กลิ่น Floral เป็นน้ำหอมกลิ่นยอดนิยมที่ได้รับความนิยมหยิบนำมาใช้อย่างมาก และเป็นหนึ่งในกลิ่นน้ำหอมที่มีความหลากหลายมากที่สุด โดยมีกลิ่นดอกไม้ที่คุ้นเคย ยกตัวอย่างเช่น สวนดอกไม้กลางสายฝน (Garden&Rain), การ์ดิเนีย (Gardenia Blooms), มะลิ (Jasmine), กุหลาบ (English Rose) หากผู้หญิงนำไปใช้จะเป็นผู้หญิงอ่อนหวานทันที ส่วนผู้ชายก็สามารถนำไปใช้ได้ จะทำให้มีความรู้สึกโรแมนติกซ่อนอยู่ในความหอมหวนของดอกไม้นั่นเอง
2. Fruity กลิ่นผลไม้หอมหวาน
สำหรับกลิ่นผลไม้ หรือ Fruity เป็นน้ำหอมกลิ่นยอดนิยมในหมู่สาวๆ เพราะมีความหวานและหอมจนต้องคุณผู้ชายต้องเหลียวหลังมอง โดยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่เลือกใช้มาเป็นน้ำหอม ยกตัวอย่างเช่น ผลไม้รวม (Fruit Paradise), แอปเปิ้ล-ราสเบอร์รี่(Apple&Raspberry)
3. Aquatic กลิ่นสดชื่น
กลิ่น Aquatic จะเป็นกลิ่นที่นิยามยากเล็กน้อย เพราะเป็นกลิ่นที่ผู้ได้กลิ่นจะรู้สึก สดชื่น สะอาด ซึ่งสามารถจินตนาการภาพในหัวได้ทันทีว่า อยู่ริมชายหาด ริมทะเลในวันสบายๆ ยกตัวอย่างเช่น โอเชี่ยนบรีซ (Ocean Breeze), มอสทะเล (Seamoss) โดยเป็นน้ำหอมกลิ่นยอดนิยมที่ผู้ชายมักเลือกใช้ ทำให้ดูเป็นคนสนุกสนาน เข้าถึงง่าย และแอบหรูดูเป็นลุคผู้ดีอีกด้วย
4. Citrus หอมสดชื่นแบบเขตร้อน
Citrus เป็นกลิ่นหอมสดชื่น สดใส มักจะเป็นกลิ่นจากผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม (Korean Mandarin), มะนาว (Fresh Lemon) ซึ่งเป็นมีกลิ่นหวานไม่เลี่ยนจนเกินไป เพราะมีความเปรี้ยวเข้ามาตัด เหมาะสำหรับนำไปใช้ห้องที่ต้องการความสดชื่น เช่น ห้องรับแขก ห้องน้ำ เป็นต้น
